เปิดประสบการณ์เที่ยวเกียวโต (KYOTO) รูปแบบใหม่ : “KEIHAN Eizan Railway”ทริปนั่งรถไฟชมใบเมเปิลเปลี่ยนสี

สืบเนื่องมาจากงานเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง&ทัวร์ ครั้งที่ 15 โดย JNTO ประเทศไทยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ได้มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวชาวไทย ร่วมโหวตแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไปญี่ปุ่นแล้วพลาดไม่ได้ ซึ่งหลังรวมผลแล้ว ปรากฏว่าปีนี้เมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโต (KYOTO) ก็ชนะขาดลอยไปในชนิดที่มองแทบไม่เห็นฝุ่น

ไม่ว่าจะด้วยบรรยากาศ ทัศนียภาพ หรือปัจจัยอื่นใด แต่ไม่ว่าใครก็คงปฏิเสธไม่ได้ ว่าช่วงปลายปีเป็นช่วงพีคสุด ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในการมุ่งหน้าสู่แดนอาทิตย์อุทัย เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศ สายลม แสงแดดให้ถึงที่ โดยเฉพาะในย่านเมืองเก่าอย่างเกียวโต ที่จะงดงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวซึ่งกำลังมาเยือน

แต่ข้อเสียของการเที่ยวเกียวโตเมืองเก่า ในช่วงเวลาที่สวยที่สุดของปีแบบนี้ ก็คือคุณจะไม่ใช่คนเดียวที่มองเห็นความสวยงามของเมืองนี้อีกต่อไปน่ะสิ !

ถึงกระนั้น หากทั้งชีวิตนี้จะต้องพลาดโอกาสชมความสวยงามของเกียวโต ในช่วงที่สวยที่สุดเพราะกลัวคนเยอะ เรื่องแยะ และความเบียดเสียดวุ่นวาย (อย่างที่ปีนี้ นักท่องเที่ยวทั่วโลกก็หลั่งไหลสู่เกียวโตไม่ขาดสาย  ชนิดที่สำนักข่าวญี่ปุ่นนำไปลงรายงานเรื่องนักท่องเที่ยวล้นเมืองกันครึกโครม) ก็คงจะน่าเสียดายแย่ถูกมั้ย แต่ก็ใช่ว่าการเที่ยวเกียวโตจะมีแต่สถานที่ยอดนิยมที่คุ้นหูกันเพียงเท่านั้น ยังมีอีกรูปแบบการชมเมืองที่สะดวกสบายและง่ายกว่ากันอีกทางหนึ่งด้วยนะ!


ฉะนั้นแล้ว วันนี้ Samurai WiFi จึงขอมานำเสนอ “KEIHAN Eizan Railway” เส้นทางรถไฟชมทิวทัศน์เมืองเกียวโต ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้ชมเกียวโตในมุมที่งดงามที่สุดแบบไม่จำเป็นต้องลงไปเดินเบียดกับใครให้เหนื่อย จะแค่นั่งมองวิวสวย ๆ หรือแชะภาพเก็บไว้เป็นความประทับใจด้วยก็เลือกได้ตามสะดวกเลย!

เกี่ยวกับ Eizan Railway

หากจะให้นิยาม นี่คือเส้นทางรถไฟชมธรรมชาติ หนึ่งในไฮไลต์หลักของการท่องเที่ยว ณ เกียวโต โดยยังสามารถหลีกเลี่ยงการเบียดเสียดในช่วงไฮซีซัน ของการท่องเที่ยวเมืองเก่าแห่งญี่ปุ่นได้แบบ 300% (เนื่องจากต้องจองที่นั่งก่อนขึ้นอยู่แล้ว หมดปัญหาคนเยอะวุ่นวายไปได้แน่นอน เราขอรับประกัน)

โดยปกติแล้ว Eizan Railway จะวิ่งผ่านบริเวณเกียวโตตอนเหนือ ในโซนที่เรียกว่า Rakuhoku และแบ่งย่อยออกมาทั้งหมด 2 สายด้วยกัน ซึ่งจุดเริ่มต้นของ Eizan Railway ทั้งสองสายจะเริ่มที่สถานี เดมาจิยานางิ (Demachiyanagi) ใกล้กับพระราชวังหลวงเกียวโด (Kyoto Imperial Palace) และศาลเจ้า Shimogamo-jinja โดยรถไฟทั้งสองสาย จะมุ่งหน้าสู่ทางเหนือ ไปยังสถานีทาการาไกเกะ (Takaragaike) แล้วจึงแบ่งออกเป็นสองสาย สายหนึ่งมุ่งสู่ตะวันออกสู่สถานียาเสะ-ฮิเอซังกุจิ (Yase-Hieizanguchi) และอีกสายหนึ่งไปทิศตะวันตก สู่สถานีคิบุเนะกุจิ (Kibuneguchi) และคุรามะ (Kurama)

โดยเส้นทางรถไฟทั้งสิ้นนี้ จะผ่านศาลเจ้าและวัดหลายแห่งที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นเรื่องทัศนียภาพสุดตื่นตาตื่นใจ

ซึ่งอีกหนึ่งไฮไลท์ที่จะเห็นได้เพียงบนเส้นทางรถไฟสายพิเศษนี้เท่านั้น ก็คือวิวอุโมงค์ต้นเมเปิล โดยหลังจากนั่งรถไฟ 20 นาทีจากสถานีเดมาจิยานางิ รถไฟจะไปถึงส่วนระหว่างสถานีอิจิฮาระ (Ichihara station) และสถานีนิโนเสะ (Ninose) ซึ่งผู้โดยสารจะสามารถชื่นชมสีสันของต้นเมเปิลจากสองข้างทางของรางรถไฟ ผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ซึ่งตลอดระยะทาง 250 เมตรระหว่างสถานีทั้งสองแห่งนี้ มีต้นเมเปิลเรียงรายมากถึง 280 ต้นที่ผลิใบสีเขียวสดชื่นในฤดูร้อน ที่พร้อมจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงส้มสวยงามในฤดูใบไม้ร่วง

รถไฟที่เปิดให้บริการ

ปัจจุบัน Eizan Railway มีรถไฟทั้งหมด 2 รูปแบบที่เปิดให้บริการ ดังนี้

  1. KIRARA ใช้งานในสายคุรามะ (Kurama) (ระยะทาง 8.8 กม. เริ่มต้นจากสถานีเดมาจิยานางิ มุ่งหน้าไปยังสายคุรามะโดยตรงผ่านสถานีทาการาไกเกะ เหมาะสำหรับผู้ต้องการชมทิวทัศน์ที่หลากหลาย เพราะมีตั้งแต่ทุ่งกว้างในชนบท ไปจนถึงทิวทัศน์ภูเขาที่มีความลาดชันและทางโค้ง)
  2. HIEI ใช้งานในสายเอซัน (Eizan) (ระยะทาง 5.6 กม. เริ่มต้นจากสถานี Demachiyanagi ถึงปลายทางสถานี Yase-Hieizanguchi รถไฟจะวิ่งผ่านจุดท่องเที่ยวยอดนิยม และมรดกทางวัฒนธรรมมากมาย เช่น อิจิโจจิและชูกาคุอิน)

Panorama Train “KIRARA”

ชื่อ “KIRARA” นี้ มาจากเส้นทางเดินเขา “KIRARA-ZAKA” ในบริเวณนี้ ซึ่งทอดยาวจากชูกะคุอิน (Shugakuin) ไปจนถึงภูเขาฮิเอ (Hiei) ชื่อนี้เป็นที่คุ้นเคยของคนในท้องถิ่นในเกียวโต เนื่องจากมีการใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณในหนังสือและบันทึกโบราณต่าง ๆ 

จุดเด่นของรถไฟชมวิวพิเศษชนิดนี้ คือหน้าต่างกระจกใส ที่เผยให้เห็นทัศนียภาพกว้างไกลของทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละจุดตลอดเส้นทาง และที่พิเศษสุด ๆ ในแบบที่ไม่เหมือนการนั่งทริปรถไฟชมวิวที่ใด คือไม่ใช่เพียงหน้าต่างเท่านั้น แต่แม้กระทั่งบอดี้รถกว่า 80% ก็เป็นกระจกใส ทำให้ผู้โดยสารที่อยู่ภายในรถไฟสามารถมองทะลุออกไปดูวิวสองข้างทางได้แบบพาโนรามา ไม่ว่าจะหันซ้าย ขวา หน้า หลัง หรือจะมุมเงยมุมช้อนก็สวยลืม

(ยิ่งถ้าเดินทางมาช่วงใบไม้ร่วงแบบช่วงเดือนพฤศจิกายนด้วยแล้ว รับรองว่าตอนรถลอดผ่านอุโมงค์ จะต้องตื่นตาตื่นใจจนร้องว้าว)

Sightseeing Train “HIEI”

หากจะให้กล่าวถึงแล้ว เจ้ารถไฟขบวนนี้ มีจุดเริ่มต้นในการสร้างเพื่อเป็นเส้นทางแสวงบุญไปยังวัด Hieizan Enryaku-ji โดยเริ่มดำเนินการในปี 1925 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน และก็ไม่ต้องสืบเลยว่าจะได้รับความนิยมจากคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลามขนาดไหน 

(แต่ที่เด่นพอ ๆ กันกับเส้นทางแสวงบุญ ก็คือสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อยู่แวดล้อม อันเป็นจุดประสงค์ของการนั่งรถไฟชมวิวเกียวโตของ Eizan Railway นั่นเอง)

นับตั้งแต่ที่รถไฟสายนี้เปิดให้บริการ รูปแบบของรถไฟ HIEI ก็มีการปรับเปลี่ยนและออกแบบให้เหมาะสมต่อการนั่งเพื่อเที่ยวชมวิวมากยิ่งขึ้น กระทั่งกลายเป็นเส้นรถไฟเพื่อการชมวิวสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างที่เราเห็นในรูปแบบปัจจุบัน  ด้วยจุดแข็งอย่างทางรถไฟที่ผ่านจุดต่าง ๆ ของโซน Rakuhoku ที่แม้แต่นักท่องเที่ยวผู้คุ้นเคยกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นและเกียวโตหลายคนก็ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน รวมไปถึงบรรยากาศตลอดเส้นทางที่ให้ฟีลแอนด์ไวบ์ (Feel & Vibe) ที่สงบ ยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม และให้ความรู้สึกขลัง จากสตอรีทางประวัติศาสตร์อันลึกซึ้ง และพลังงานที่ส่งผ่านมาจากทิวทัศน์ของภูเขาที่โอบล้อมตลอดเส้นทาง หากขณะเดียวกัน ลักษณะภายในห้องโดยสารรถไฟก็มีการพัฒนาให้สะดวกสบาย และทันสมัยเพื่อตอบโจทย์ผู้โดยสาร ทั้งป้ายจุดหมายที่แสดงเป็นสี่ภาษา ได้แก่ ญี่ปุ่น อังกฤษ เกาหลี และจีนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวนานาชาติ , การออกแบบเบาะนั่งให้เป็นสไตล์บาแกตต์เพื่อตอบโจทย์สำหรับผู้โดยสารที่ต้องนั่งยาว ๆ รวมไปถึงการจัดวางรูปแบบไฟในห้องโดยสาร ที่สร้างบรรยากาศให้รู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับการชมวิวเกียวโตนอกหน้าต่างสุด ๆ ไปเลย!

แนะนำตั๋วสำหรับใช้งานบนรถไฟ : Eizan Railway Ee Kippu 1-Day Pass

ก่อนอื่น การจะขึ้น Eizan Railway ไม่สามารถใช้ JAPAN RAIL PASS เป็นบัตรผ่านได้ และต้องซื้อแยก Ee Kippu 1-Day Pass มาใช้แทนนะ

Rail Pass ประเภทนี้ เป็นตัวเลือกที่ดีและคุ้มค่าที่สุด สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการนั่งรถไฟชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากมายตามเส้นทางรถไฟ Eizan Railway โดยด้วยตั๋วนี้เพียงหนึ่งใบ จะช่วยให้ผู้โดยสารสามารถขึ้นและลงที่สถานีใดก็ได้ตามต้องการในวันนั้น 

และคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของตั๋วนี้ คือสามารถนำมาใช้แลกรับส่วนลดหรือของที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ศาลเจ้า วัด และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ตามแนวรถไฟ รวมไปถึงสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมายด้วยนะ

สำหรับราคาของ Eizan Railway Ee Kippu 1-Day Pass สนนราคาอยู่ที่ US$ 8.05 (ประมาณ 290 บาท) สำหรับผู้ใหญ่ และ US$ 4.05 (ประมาณ 145 – 150 บาท) สำหรับเด็ก (6 – 11 ปี)

ช่องทางการจองที่เราขอแนะนำ คลิกได้ที่ลิงก์นี้เลย

DSC_5661

สุดท้ายนี้ หากใครได้อ่านบล็อกนี้จนจบแล้ว และกำลังวางแผนว่าอยากจะไปเที่ยวเกียวโต เราขอแนะนำให้รีบพุ่งตรงไปสำรองที่นั่งบนรถไฟให้ด่วนจี๋เลย เชื่อเถอะว่านี่จะกลายเป็นประสบการณ์ที่จะทำให้ประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน

และถ้าหากใครมีตั๋วเครื่องบินแล้ว ได้ที่นั่งบนรถไฟแล้ว แต่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตไว้ใช้งานระหว่างเที่ยว เราขอแนะนำบริการอินเทอร์เน็ตจาก SAMURAI WiFi และ SAMURAI Sim ที่มีให้เลือกสรรทั้ง Pocket WiFi ซิมการ์ด และน้องใหม่ eSIM ที่รับรองว่าสัญญาณไม่อั้นไม่ลดสปีด ครอบคลุมท่วโลกแน่นอน สนใจติดต่อเราได้เลยนะ!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

eizandensha

Klook