“เครื่องแปลภาษาระบบ Ai” เป็นมากกว่าแค่ “เครื่องแปลภาษา”

ก่อนหน้านี้ที่ทาง Samurai WiFi โพสผ่านช่องทาง
E-mail magazine, Blog, Facebook และ Line
เกี่ยวกับเรื่องการจัดหาเครื่องแปลภาษาคุณภาพดี
ซึ่งผมใช้เวลาพอสมควรในการเลือกสรรมาครับ

ในครั้งนี้ หลังจากที่ได้ทดลองมาแล้วหลายต่อหลายเครื่อง
ก็พบเครื่องแปลภาษาที่ผมคิดว่าแข็งแกร่งที่สุด
และอยากจะแนะนำให้รู้จักกันครับ

และเจ้าเครื่องนี้สามารถพูดได้ว่าเป็น
เครื่องแปลภาษาระบบ Ai ที่เป็นมากกว่าแค่เครื่องแปลภาษาเลยครับ

สิ่งนั้นก็คือ “POCKETALK” ครับ

จัดจำหน่ายโดยบริษัท Sourcenext ของประเทศญี่ปุ่นครับ

เมื่อ 20 ปีก่อนที่ผมเริ่มใช้คอมพิวเตอร์นั้น
ก็มีโอกาสได้ใช้โปรแกรมสำหรับฝึกพิมพ์สัมผัส
จากบริษัทฯนี้อยู่เหมือนกันครับ
ค่อนข้างที่จะมีชื่อเสียงพอสมควรเลยครับ

เวลาผ่านไป เพราะด้วยอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยม
อย่างเจ้าเครื่อง POCKETALK นี้
ทำให้บริษัท Sourcenext กลับมาเป็นที่รู้จักในประเทศญี่ปุ่นอีกครั้งครับ

และมียอดการผลิตเป็นอันดับ 1 ของโลก
ในหมวดหมู่ “เครื่องแปลภาษา” ในตอนนี้อีกด้วยครับ

ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเครื่อง POCKETALK
ได้รวบรวมข้อมูลบทสนทนาต่างๆเอาไว้มากที่สุด
และเพราะอย่างนี้เอง เลยทำให้เครื่องนี้เป็น
เครื่องแปลภาษาในอุดมคติตามที่เคยกล่าวไว้วันก่อนเลยครับ

เครื่องรุ่นแรกที่ได้จัดจำหน่ายออกมา
เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2017 ที่ผ่านมา
ความรู้สึกหลังใช้งานก็โอเคอยู่นะครับ
แต่ว่ายังไม่ถึงขั้นที่จะเอาไว้ใช้ให้บริการลูกค้าได้
ก็เลยพับโครงการที่จะให้เช่าเจ้าเครื่องนี้เก็บเอาไว้ก่อนครับ

หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนารุ่นอื่นๆต่อๆมา
และออกรุ่นที่ 2 เมื่อเดือนกันยายน 2018
และรุ่นที่ 3 เมื่อเดือนธันวาคม 2019 ที่ผ่านมาครับ

รุ่นที่ 2 คือ “Pocketalk (W)”
รุ่นที่ 3 คือ “Pocketalk (S)”

และในวันนี้จะขอแนะนำเป็นรุ่น Pocketalk (W) ครับ
แม้ว่าเครื่องแปลรุ่นแรกจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความครบครันอยู่แล้ว
แต่รุ่นที่ 2 นั้นได้มีการพัฒนาขึ้นไปอีกระดับให้ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ

โดยทางเราได้ทำการเปรียบเทียบรุ่นแรกและรุ่นใหม่ไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ
เรามาดูกันครับว่าทั้ง 2 รุ่นนั้นต่างกันอย่างไรบ้าง

(1) หน้าจอ LCD ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 3.2 เท่า
ทำให้หน้าจอดูได้ชัดเจนและง่ายยิ่งขึ้น!!

ไม่เพียงแค่ทำให้อ่านง่ายขึ้นเท่านั้น
แต่ยังเป็นเพราะขนาดที่ใหญ่ขึ้นทำให้สามารถแสดง
“ประโยคที่จะแปล” และ “ผลการแปล”
บนหน้าจอเดียวกันได้อีกด้วยครับ

(2) พัฒนาระบบ Touch screen ให้ใช้งานง่ายและดียิ่งขึ้น!!

ความคิดเห็นหลังจากที่ได้ลองใช้รุ่นแรกมา
ยังแอบใช้งานยากอยู่นิดหน่อยครับ
อย่างตอนที่ผมนำไปใช้งานในต่างประเทศ ยังมีอาการอืดๆอยู่บ้าง
แต่รุ่นใหม่ที่ออกมาครั้งนี้
สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายขึ้นมากเลยครับ

(3) บางครั้งเครื่องไม่แปลตั้งแต่ต้นประโยค

ในเครื่องแปลภาษาโมเดลแรกนั้น เมื่อเรากำลังแปลภาษา
เครื่องทำการแปลเลย ทั้งๆที่เรายังพูดไม่จบประโยค
ทำให้เราต้องมาพูดใหม่หลายครั้ง
แต่ในรุ่นที่ 2 นั้น จะมีปุ่มให้เรากดเพื่อรับคำสั่งเสียงของเรา
ตัวเครื่องจะไม่แปลจนกว่าเราจะเอานิ้วออกจากปุ่ม
ทำให้เราสามารถควบคุมจังหวะที่เราต้องการจะแปลได้ครับ

(4) รองรับภาษามากขึ้นและพัฒนาความแม่นยำในการแปล !!

ในโมเดลแรกนั้น ภาษาต่างๆในเอเชียรวมทั้งภาษาไทย
แปลได้ไม่ค่อยแม่นยำเท่าไรนัก ทำให้ผู้ใช้งานหลายท่านไม่พึงพอใจครับ
แต่ในรุ่นที่ 2 นี้ ทางบริษัทได้นำคำติชม
มาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับระบบการแปลภาษาเอเชียครับ
และได้นำความสะดวกสบายของระบบคลาวด์มาใช้
ทำให้เครื่องสามารถค้นหาคำศัพท์ที่ตรงกับภาษานั้นๆมากที่สุด
เพื่อให้การแปลออกมาได้แม่นยำมากที่สุดครับ
และเครื่องแปลภาษานี้ ยังสามารถแยกสำเนียงต่างๆได้อีกด้วย
เช่น ภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดีย หรือจะสำเนียงออสเตรเลีย
แม้แต่ภาษาโปรตุเกสสำเนียงบราซิลก็สามารถแยกได้ครับ
และได้เพิ่มภาษาที่รองรับจาก 63 ภาษา เป็น 74 ภาษาอีกด้วย

(5) เครื่องสามารถแปลภาษาได้เร็วกว่าเดิม 7.5 เท่า!!

เนื่องจากรองรับสัญญาณที่เร็วขึ้นจาก 3G เป็น 4G
ทำให้สามารถแปลได้เร็วขึ้น และเมื่อเทียบกับรุ่นแรกแล้ว
ความเร็วของการแปลนั้นเพิ่มขึ้นถึง 7.5 เท่าเลยทีเดียวครับ

(6) มี E-SIM ที่ติดมากับตัวเครื่อง
ทำให้การตั้งค่าเริ่มต้นเป็นเรื่องง่ายมากๆ!

ในโมเดลแรกนั้นจำเป็นจะต้องใส่ซิมและตั้งค่าเริ่มต้นก่อนใช้งาน
ค่อนข้างยุ่งยากทีเดียวเลยครับ
แต่ในรุ่นที่ 2 นี้ มี E-SIM ติดตั้งมากับเครื่องอยู่เเล้ว
ความยุ่งยากต่างๆจึงหมดไปครับ

(7) ติดตั้งลำโพงคู่ ถึงแม้จะอยู่ในที่ๆผู้คนแออัด
ก็ยังได้ยินคำแปลอย่างชัดเจน

เวลาเราใช้งานเครื่องแปลภาษาในต่างประเทศ
เราคงไม่ได้มีจุดประสงค์จะใช้งานในระดับธุรกิจอยู่เเล้วใช่ไหมครับ
ส่วนใหญ่เราคงเน้นใช้งานนอกสถานที่ซะมากกว่า
แต่ทว่าบริเวณโดยรอบนั้นมีเสียงรบกวนมากมาย
ในรุ่นที่ 2 นี้ จึงได้พัฒนาให้สามารถใช้งานได้ดีขึ้นแม้จะมีเสียงรบกวน

ทำไมถึงปรับปรุง และพัฒนาขึ้นมาขนาดนี้?

สาเหตุก็เพราะ เครื่องแปลภาษารุ่นแรกนั้น
ถูกผลิตในประเทศเนเธอร์แลนด์ ยี่ห้อ Travis
โดยแค่ถูกปรับให้ใช้กับประเทศญี่ปุ่นได้เท่านั้น
เพราะเหตุนั้น การเรียงภาษาก็เรียงตามตัวอักษรจาก A-Z
การทำงานต่างๆก็ยังติดขัดอยู่บ้าง
ไม่ได้ถึงกับแย่หรือยอดเยี่ยมซะทีเดียวครับ
สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝั่งยุโรปชิ้นนี้
แต่ในรุ่นที่ 2 W-series นั้น ได้บริษัทญี่ปุ่นชื่อ Sourcenext
ได้นิยามการใช้งานใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น
จึงทำให้มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใครครับ

เพราะเราเน้นกลุ่มลูกค้าชาวเอเชียเป็นหลัก
ถ้าเป็นเครื่องแปลภาษาที่ผลิตโดยประเทศญี่ปุ่นเเล้วละก็
ถือว่าได้เปรียบกว่าแน่นอนครับ

ความสำเร็จของ POKECTALK W-series
คาดว่าจะทำให้ทุกท่านพึงพอใจแน่นอนครับ รวมทั้งผมด้วย