4 ประเทศสำหรับชมออโรร่า ล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าในซีกโลกเหนือ

เชื่อว่าหนึ่งในเป้าหมายของการท่องยุโรปของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติจำนวนมหาศาล คือเป้าหมายในการไปชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ไม่ได้หาชมจากที่ไหนก็ได้ อย่าง “ปรากฏการณ์แสงเหนือ” เจ้าแสงริ้ว ๆ ที่ขึ้นเหนือท้องฟ้ายามค่ำคืนในประเทศโซนขั้วโลก ถึงขั้นที่หลายคนตั้งเป้าว่าสักชีวิตหนึ่งจะต้องได้ไปล่าแสงเหนือกับใครเขาสักครั้งให้ได้

ว่าแต่ควรจะไปดูแสงเหนือที่ไหน ยังไงกันล่ะ?

ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้ Samurai WiFi ขออาสารวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับสิ่งที่ควรรู้ และจุดต้องห้ามพลาดเพื่อการชมแสงเหนือที่งดงามและชัดเจนที่สุด ใน 4  ประเทศอันขึ้นชื่อเรื่องการล่าหาแสงเหนือที่สุดจะเจ๋งแจ๋ว รับรองว่ามาทำการบ้านก่อนเที่ยวกับบทความนี้ของเราแล้วไม่มีผิดหวังแน่นอน

ว่าด้วยแสงเหนือ

ตามจริงแล้ว เจ้าแสงเหนือ (Aurora Borealis) นี้เป็นเพียงหนึ่งในปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “แสงออโรร่า” โดยจะเป็นออโรร่าที่เกิดขึ้นในประเทศโซนใกล้ขั้วโลกเหนือ อันเนื่องมาจากพลังงานสนามแม่เหล็กโลกตรงจุดขั้วโลกที่หนาแน่นเป็นพิเศษ ซึ่งออโรร่าจะเกิดขึ้นได้ทั้งขั้วโลกเหนือและใต้ (ออโรร่าในขั้วโลกใต้ เรียกง่าย ๆ ว่าแสงใต้ ; Aurora Australis) และจุดที่เห็นได้ชัดสุด สวยงามที่สุด และบ่อยที่สุดจะอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกาทางใต้สุดของโลก แต่ด้วยความเข้าถึงยาก ชนิดที่ไม่มีใครตั้งรกรากอยู่ได้ ทำให้คนที่จะมีโอกาสมองเห็นแสงใต้จากแอนตาร์กติกามีเพียงบรรดานักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และฝูงเพนกวินสัตว์ประจำถิ่นเท่านั้น

โดยหากช่วงใดที่ออโรร่าแผ่แสงชัดเป็นพิเศษ ประเทศโดยรอบ ที่อยู่ห่างออกมาจากขั้วโลกพอสมควรอย่างออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บางส่วนของสหราชอาณาจักร และแอฟริกาใต้ อาจได้มีโอกาสได้เห็นความสวยงามนี่ด้วยเช่นกัน แต่ก็เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก จนไม่อาจนับเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่มุ่งเดินทางเพื่อออกตามล่าหาแสงเหนือโดยเฉพาะ

Tips เพื่อการชมแสงเหนือให้ประทับใจไม่รู้ลืม

จุดที่เราจะสามารถมองเห็นแสงเหนือได้ชัดและบ่อย คือประเทศในแถบสแกนดิเนเวียตอนเหนือ ที่ช่วงละติจูดระหว่าง 66 องศาเหนือ ถึง 69 องศาเหนือ หรือที่เรียกรวม ๆ ว่า “ออโรร่าโซน” (Aurora Zone) และเพราะนี่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะกะเกณฑ์ได้ยากว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนช่วงเวลาไหน เมื่อใด และนานเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับความผันแปรของปรากฏการณ์ทางสุริยะ (Solar Activity) สภาพอากาศ และตำแหน่งของสนามแม่เหล็กโลก แต่อย่าเพิ่งท้อใจ เพราะอย่างน้อย เราก็สามารถระบุช่วงเดือนได้คร่าว ๆ คือตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคมและต่อเนื่องไปจนถึงต้นเดือนเมษายน และจะยิ่งเห็นได้ชัดที่สุดหากเป็นช่วงที่ฟ้าโปร่ง ไม่มีเมฆบัง และเป็นในช่วงฤดูหนาว

ถึงจะต้องวัดดวงกันสักนิด แต่เชื่อสิ ว่าถ้าได้เห็นแสงเหนือด้วยสองตาสักครั้งก็คุ้มแล้ว!

4 ประเทศปลายทางต้องห้ามพลาดสำหรับล่าแสงเหนือ

Finland

ในประเทศที่มักถูกมองข้ามในการเป็น destination สำหรับการล่าแสงเหนือ เพราะมีเพื่อนบ้านที่เป็นที่รู้จักมากกว่าอย่างสวีเดนและนอร์เวย์ แต่เชื่อเถอะว่าด้วยพื้นที่ที่จำนวนประชากรไม่หนาแน่น ชนิดที่มีประชากรกวางเรนเดียร์มากกว่าคนอาศัย จะทำให้การชมแสงเหนือที่ฟินแลนด์นั้นชัดเจนและสวยงามกว่าที่ใด ๆ เพราะไม่มีมลภาวะทางแสงจากแสงไฟในแบบฉบับเมืองใหญ่มาบดบังทัศนียภาพเหนือท้องฟ้าเลย แถมยังไม่รวมถึงป่าไม้และทรัพยากรทางธรรมชาติที่สมบูรณ์อีกด้วยนะ

พื้นที่ที่เหมาะกับการชมแสงเหนือเป็นพิเศษในฟินแลนด์ คือเมืองทางแถบตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น Nellim, Muotka, Saariselkä, Menesjärvi และ Inari หรือจะมุ่งไปฟากตะวันตกอย่าง Harriniva, Jeris, Torassieppi และ Kilpisjärvi ที่ค่อนข้างห่างไกลจากหัวเมืองใหญ่ก็ไม่ว่ากัน

ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนกันยายน – มีนาคม

Sweden

หนึ่งในฮอตเพลสที่เป็นที่นิยมสำหรับการชื่นชมความงามของแสงเหนือ เนื่องจากเป็นประเทศที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง สงบ และประชากรเบาบางในชนิดที่หากนั่งเครื่องบินผ่านน่านฟ้าในตอนกลางคืน จะค่อนข้างมืดมิด ไม่เห็นแสงไฟจากภาคพื้นดิน หรือหากเห็นก็น้อยมาก ซึ่งเหมาะต่อการสังเกตการณ์แสงเหนือเป็นอย่างดี

จุดหมายปลายทางอันโด่งดังเพื่อการดูแสงออโรราที่สวีเดน คือเมือง Abisko ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของ Arctic Circle แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นจุดชมแสงเหนือ ที่นี่อาจจะยังมีคนน้อยกว่าอยู่บ้าง เพราะเป็นประเทศที่ลงมาทางใต้จากขั้วโลกเหนือเล็กน้อย แต่หากกล่าวถึงความงามแล้ว รับรองว่าจะต้องทำให้ประทับใจได้ไม่แพ้กันเลยเชื่อเราเถอะ

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นเดือนกันยายน – ปลายเดือนมีนาคม

Norway

หากจะกล่าวถึงเมืองที่ขึ้นชื่ออันดับหนึ่งด้านการล่าแสงเหนือ ในชนิดเพียงเอ่ยชื่อมาก็ต้องร้องอ๋อ จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากนอร์เวย์เท่านั้น ด้วยแสงเหนือที่สวยเสียจนมีรายการทั้งทีวีและออนไลน์นับไม่ถ้วนเดินทางไปถ่ายทำในพื้นที่

จุดชมแสงเหนือที่โด่งดัง จะอยู่ทางตอนเหนือ เช่น เมือง Tromso ที่อยู่ท่ามกลางวงแหวนแสงออโรร่าพอดี นอกจากนี้ บรรยากาศท่ามกลางความสงบและหนาวเย็นแบบฉบับนอร์เวย์ ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักความชิล ๆ หรือหากต้องการบรรยากาศริมชายฝั่ง จะมุ่งหน้าไปที่เมือง Andenes เพื่อนั่งเรือดูแสงเหนือ รอบชายฝั่งก็น่าสนุกไม่น้อยเลย

ช่วงเวลาแนะนำ : ปลายเดือนกันยายน – มีนาคม

Iceland

แม้ก่อนหน้านี้ ไอซ์แลนด์จะมีชื่อเสียงอย่างมากในแง่เมืองแห่งธรณีวิทยาอันหลากหลายและน่าศึกษา แต่ปัจจุบันนี้ ได้ยึดครองตำแหน่งในใจของบรรดานักท่องเที่ยวไปแล้วอีกหนึ่งตำแหน่ง ในฐานะประเทศแห่งการดูแสงออโรร่าที่ตระการตาไม่แพ้ประเทศใด ๆ ในแถบเดียวกัน

การดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ให้ฟินสุด ๆ ต้องเดินทางไปดูถึงถิ่นในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่จะมองเห็นแสงออโรร่าสวย ๆ ฟุ้งกระจายเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืน ท่ามกลางบรรยากาศของแหล่งธรรมชาติอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแบบพาโนราม่า 360 องศา โดยแสงเหนือในไอซ์แลนด์ จะสามารถมองเห็นได้จากทุกพื้นที่ในประเทศ อย่างเช่นในเมืองหลวงอย่าง กรุง Reykjavik หรือจะที่อุทยานแห่งชาติ Thingvellir National Park มรดกโลกทางธรรมชาติ ห่างจากเมืองหลวงประมาณ 45 นาที ที่จะทำให้สามารถซึมซับบรรยากาศธรรมชาติได้เต็มตาเลยทีเดียว

ช่วงเวลาแนะนำ : ปลายเดือนสิงหาคม – กลางเดือนเมษายน

สุดท้ายนี้ หวังว่าบทความนี้ของเรา จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังวางแผนจะไปชมแสงเหนือถึงทวีปยุโรป และหากจะให้ดี หลังได้ชมออโรร่าแล้ว จะแวะเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในประเทศนั้น ๆ ด้วยก็ดีไม่หยอก ไม่ว่าจะไปแบบฉายเดี่ยว เป็นคู่ หรือหมู่คณะก็สนุกได้

และจะยิ่งเที่ยวได้แบบไร้กังวล หากในทริปของคุณมีบริการจากเรา Samurai WiFi ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ทั้งในรูปแบบ Pocket WiFi, ซิมการ์ด และ eSIM น้องใหม่ สัญญาณครอบคลุม 129 ประเทศทั่วโลก และพิเศษยิ่งกว่า คือแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตยุโรป เริ่มต้นเพียง 799 บาทเท่านั้น หากสนใจสอบถามได้ตามช่องทางติดต่อของเราเลย !