
เอ้า…เดี๋ยว! ข่าวใหญ่สำหรับสายช็อปญี่ปุ่น 🎌🛍️
“Tax Free ที่เคยขอคืนหน้าร้าน” กำลังจะโบกมือลา และเปลี่ยนเป็น “Tax Refund หลังซื้อ” แทน—แปลว่า ขั้นตอนจะไม่จบที่แคชเชียร์อีกต่อไป! ใครชอบช็อปแล้วรับเงินคืนทันที อาจต้องปรับแผน เดินเอกสาร เพิ่มเวลา…และถ้าไม่เตรียมตัวดี ๆ มีสิทธิ์พลาดเงินคืนไปแบบงง ๆ
อ่านต่อให้จบ ถ้าคุณไม่อยากเสียเงินจริงเพราะขั้นตอนใหม่—เราไล่ให้ครบ ตั้งแต่เตรียมเอกสาร วิธีขอคืน ไปจนทริคประหยัดเวลาสำหรับนักท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะ ✈️💡
บทความนี้เหมาะกับใคร
- ผู้ที่กำลังจะไปญี่ปุ่นและอยากเข้าใจการเปลี่ยนจาก Tax-Free เป็น Tax Refund
- คนที่ต้องการรู้ ขั้นตอน/เอกสาร/จุดยื่นคำขอ (เช่น ที่สนามบิน) เพื่อไม่พลาดสิทธิ์
- นักช็อปที่อยากทราบ เกณฑ์ขั้นต่ำ ประเภทสินค้าที่ขอคืนได้ และตัวอย่าง ร้านที่เข้าร่วม
- กลุ่มที่เดินทางเป็นครอบครัวหรือกรุ๊ปทัวร์ และต้องเผื่อเวลาทำเรื่องก่อนขึ้นเครื่อง
ระบบเดิม Tax Free
ในปัจจุบันญี่ปุ่นใช้ระบบ Tax Free หรือระบบปลอดภาษี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 8-10% ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าที่ซื้อ โดยหากซื้อสินค้าที่ร่วมรายการเกิน 5,000 เยนในร้านค้าที่เข้าร่วมระบบ นักท่องเที่ยวจะได้รับการหักภาษีออกจากราคาสินค้า ณ จุดขาย หรือสามารถรับเงินคืนทันทีที่เคาน์เตอร์ห้าง
ข้อกำหนด Tax Free ญี่ปุ่น
- กำหนดราคาขั้นต่ำ ต้องซื้อสินค้าเกิน 5,000 เยนขึ้นไปจึงจะสามารถขอคืนภาษีได้
- มีกำหนดเพดานการซื้อสินค้าปลอดภาษีไม่เกิน 500,000 เยน (ประมาณ 112,000 บาท) ต่อร้านต่อวัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบเดิม
ระบบ Tax Free ทำให้เกิดช่องโหว่ โดยเฉพาะกรณีที่นักท่องเที่ยวบางคนนำสินค้าปลอดภาษีไปขายต่อให้คนในญี่ปุ่นก่อนเดินทางกลับ ส่งผลให้คนญี่ปุ่นสามารถซื้อสินค้าเหล่านี้โดยไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษี ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวบางกลุ่มก็ได้กำไรจากช่องโหว่นี้
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ญี่ปุ่นจึงเตรียมเปลี่ยนมาใช้ระบบ Tax Refund แทน โดยนักท่องเที่ยวจะต้องชำระค่าสินค้าเต็มจำนวนรวมภาษี จากนั้นจึงสามารถขอคืนภาษีที่สนามบินก่อนเดินทางกลับ ระบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเป็นแนวทางที่หลายประเทศในยุโรปใช้อยู่แล้วในปัจจุบัน
Tax Refund คืออะไร?
การขอคืนภาษี หรือที่เรียกว่า “Tax Refund” คือการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้กับนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ Tax Free โดยในประเทศญี่ปุ่นภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคจะอยู่ที่ 8% แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยในญี่ปุ่นจะสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ได้
ระบบนี้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งเสริมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถใช้เงินไปกับการช้อปปิ้ง การกิน หรือการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้มากขึ้น
ขั้นตอนการขอคืนภาษี Tax Refund
ที่นี้มาดูกันว่าหากเปลี่ยนระบบใหม่จะมีขั้นตอนการขอคืนภาษีอย่างไรบ้าง
- จ่ายราคาเต็มรวมภาษีที่ร้านค้า ทั้งภาษีมาตรฐานญี่ปุ่น 10% และภาษี 8% สำหรับรายการอาหาร
- เก็บใบเสร็จรับเงินไว้
- ขอรับเงินคืนที่สนามบิน โชว์ใบเสร็จพร้อมสินค้าจริงไปแสดงที่สนามบิน เพื่อยืนยันว่าสินค้าไม่ได้ถูกใช้ในญี่ปุ่น แล้วจึงได้เงินภาษีคืนตอนนั้น
ใครบ้างที่สามารถขอคืนภาษีในญี่ปุ่นได้?
การขอ Tax Refund ในญี่ปุ่นจะจำกัดเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น โดยมีข้อกำหนดดังนี้:
- นักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นและอาศัยในญี่ปุ่นไม่เกิน 6 เดือน
- บุคคลสัญชาติญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ต่างประเทศและเดินทางเข้าญี่ปุ่นชั่วคราว
- บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางนักการทูตหรือข้าราชการ
- ข้อยกเว้น: ผู้ที่อาศัยในญี่ปุ่นเกิน 6 เดือน หรือผู้ที่ทำงานในประเทศญี่ปุ่น จะไม่สามารถขอคืนภาษีได้
สินค้าที่สามารถขอ Tax Refund ได้
สินค้าที่เข้าข่ายขอคืนภาษีมี 2 ประเภทหลัก คือ:
- สินค้าทั่วไป (General Items): เช่น กล้อง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา และเครื่องประดับ นักท่องเที่ยวต้องมียอดซื้อรวมที่ 5,000 เยนขึ้นไป (ไม่รวมภาษี) ในร้านเดียวกันต่อวัน
- สินค้าสิ้นเปลือง (Consumables): เช่น ขนม อาหาร ยา ซึ่งต้องมียอดซื้อระหว่าง 5,000 – 500,000 เยนในร้านเดียวกันต่อวัน หากยอดซื้อไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด จะไม่สามารถขอคืนภาษีได้
ร้านค้าที่สามารถขอคืนภาษีได้
ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Tax Free มักจะติดป้าย “Tax-Free” หรือ “Tax Refund” ไว้ตามจุดขาย หรือร้านที่มีสัญลักษณ์สีแดงและขาว ตัวอย่างร้านค้าที่สามารถขอคืนภาษีได้ ได้แก่:
- Don Quijote
- Uniqlo
- Bic Camera
- Matsumoto Kiyoshi
- Matsuya Ginza
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการขอคืนภาษี (Tax Refund) ในญี่ปุ่น
สามารถให้ผู้อื่นดำเนินเรื่องขอคืนภาษีแทนได้หรือไม่?
ไม่สามารถให้ผู้อื่นทำแทนได้ นักท่องเที่ยวต้องดำเนินเรื่องเองและแสดงพาสปอร์ตตัวจริง
สินค้าที่ขอคืนภาษีสามารถใช้ในญี่ปุ่นได้หรือไม่?
ได้ หากเป็นสินค้าทั่วไป เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา
ไม่ได้ หากเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ขนม ยา เครื่องสำอาง ซึ่งต้องอยู่ในถุงพิเศษและห้ามเปิด
ลืมพาสปอร์ต ขอคืนภาษีวันอื่นได้ไหม?
ไม่ได้ ต้องทำเรื่องในวันเดียวกับวันที่ซื้อสินค้า
ให้คนอื่นนำสินค้ากลับแทนได้หรือไม่?
ไม่ได้ ผู้ขอคืนภาษีต้องเป็นผู้ที่นำสินค้านั้นออกจากประเทศเอง
การขอคืนภาษีในญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการช็อปปิ้ง เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น อย่าลืมทำความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขและขั้นตอนการขอคืนภาษี เพื่อให้การเดินทางของคุณไม่เพียงแค่สนุกแต่ยังคุ้มค่ากับการช็อปปิ้งอีกด้วย!
เที่ยวญี่ปุ่นด้วย SAMURAI WiFi & SIM/eSIM
อยากช็อปเพลิน ๆ แล้วจัดการ Tax Refund ได้ไว ไม่พลาดการแจ้งเตือน/แผนที่เคาน์เตอร์คืนภาษี แนะนำพกเน็ตที่เสถียรไว้ตลอดทริปกับ SAMURAI WiFi & SIM/eSIM
- ใช้เครือข่ายท้องถิ่นในญี่ปุ่น อินเทอร์เน็ต เร็ว–นิ่ง ไม่เสี่ยงบิลโรมมิ่งบาน
- เลือกได้ทั้ง รายวัน หรือ รายทริป ให้พอดีกับแผนการเดินทาง
- eSIM เปิดใช้ได้ทันที ไม่ต้องรอส่งของ / หรือเช่า Pocket WiFi ก็สะดวกสำหรับทั้งครอบครัว
- ซัพพอร์ตภาษาไทย–อังกฤษ-ญี่ปุ่น 24/7 อุ่นใจตลอดทริป (ภาษาญี่ปุ่น 9.00-18.00)
สนใจโปรล่าสุดหรือมีคำถาม แอด LINE Official ของ SAMURAI WiFi ได้เลย