ญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วง คือช่วงเวลาที่ธรรมชาติเปลี่ยนเป็นภาพวาดขนาดใหญ่ ต้นไม้ทั้งเมืองพร้อมใจกันแต่งสีสันเหลือง แดง ส้ม สวยสะดุดตาไม่แพ้ฤดูซากุระ ความพิเศษอยู่ตรงที่ทุกที่เที่ยวไม่ว่าจะเป็นวัดเก่า ปราสาทโบราณ หมู่บ้านกลางหุบเขา หรือแม้แต่ถนนในเมืองใหญ่ ต่างถูกแต่งเติมด้วยสีใบไม้ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล
ถ้าใครกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นในปี 2025 บทความนี้คือไกด์ที่จะพาไปดูว่า ควรไปเมืองไหน ช่วงเวลาไหน และมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ห้ามพลาด
🎯 บทความนี้เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่อยากเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงธรรมชาติสวยงามและสีสันจัดจ้าน
- คนรักการถ่ายภาพ สายวิว เมเปิ้ลทอง แสงเงา เงาน้ำ
- นักเดินทางที่ชอบหลบฝูงชน หาจุด “ไม่ค่อยดัง” แต่สวยไม่แพ้ที่มีชื่อเสียง
- คนที่ต้องการวางแผนทริปที่ผสมทั้งเมืองเก่า วัด เชิงธรรมชาติ ได้ครบ

🍂 ใบไม้เปลี่ยนสีคืออะไร? ทำไมถึงเป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวรอคอย
“ใบไม้เปลี่ยนสี” หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า โคโย (紅葉 / Koyo) คือปรากฏการณ์ตามธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณกันยายน–ธันวาคม) เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงและแสงแดดสั้นลงในแต่ละวัน ต้นไม้บางชนิดจะหยุดสังเคราะห์แสง ใบไม้ที่เคยเป็นสีเขียวจากคลอโรฟิลล์จึงค่อย ๆ เผยให้เห็นสีอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ เช่น เหลืองสดของแปะก๊วย (Ginkgo) หรือ แดงสดของเมเปิ้ล (Momiji)
สิ่งนี้ไม่ใช่แค่ความสวยงามทางธรรมชาติ แต่ยังเป็น วัฒนธรรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น คล้ายกับการชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ คนญี่ปุ่นเรียกกิจกรรมนี้ว่า “โมมิจิงะริ (Momiji-gari / 紅葉狩り)” ซึ่งหมายถึง “การออกไปล่าใบไม้แดง” โดยมักจะไปตามภูเขา วัด ศาลเจ้า หรือสวนสาธารณะเพื่อชมความงดงามของฤดูกาล
เหตุผลที่ช่วงนี้เป็นที่นิยมมากก็เพราะว่า:
- 🍁 ความงามโรแมนติก – เมืองทั้งเมืองถูกแต่งด้วยสีแดง เหลือง ส้ม ราวกับงานศิลปะขนาดใหญ่
- 📸 ถ่ายรูปสวยทุกมุม – ไม่ว่าจะเป็นวัดโบราณ ปราสาทริมคูน้ำ หรือถนนในเมืองใหญ่ ทุกที่ดูมีชีวิตชีวา
- 👨👩👧 บรรยากาศครอบครัวและคู่รัก – เหมาะกับการเดินเล่น ชมวิว นั่งจิบชาในสวน หรือพักผ่อนในออนเซ็นท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี
กิจกรรมพิเศษช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
- การจัด Light-up ใบไม้ยามค่ำคืน (หลายวัดในเกียวโต โตเกียวทำเป็นประจำ)
- การนั่งรถไฟสายวิว เช่น Sagano Scenic Railway (เกียวโต) หรือ รถไฟสาย Oigawa (ชิซุโอกะ)
- ล่องเรือชมวิวในทะเลสาบ เช่นที่คาวากุจิโกะ
ของกินประจำฤดูใบไม้ร่วงญี่ปุ่น


- เกาลัด (Kuri), เห็ดมัตสึทาเกะ (Matsutake), มันหวานย่าง (Yaki-imo)
- ของหวานธีมฤดูใบไม้ร่วง เช่น โมจิรสเกาลัด, คิทแคทมันหวาน 🍠
📆 ตารางลำดับใบไม้เปลี่ยนสีตามภูมิภาค (2025 โดยประมาณ)
*อัปเดต ตั้งแต่วันที่ 2 กย. 68 โดย กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMC)
เมือง | วันที่เริ่ม | วันคาดการณ์ที่สวยที่สุด |
---|---|---|
ซัปโปโร (Sapporo) | 6 พ.ย. | 7 พ.ย. |
อาโอโมริ (Aomori) | 6 พ.ย. | 14 พ.ย. |
เซนได (Sendai) | 29 พ.ย. | 26 พ.ย. |
โตเกียว (Tokyo) | 26 พ.ย. | 30 พ.ย. |
คานาซาวะ (Kanazawa) | 11 พ.ย. | 30 พ.ย. |
นากาโนะ (Nagano) | 15 พ.ย. | 23 พ.ย. |
นาโกยา (Nagoya) | 18 พ.ย. | 3 ธ.ค. |
เกียวโต (Kyoto) | 28 พ.ย. | 12 ธ.ค. |
โอซาก้า (Osaka) | 24 พ.ย. | 4 ธ.ค. |
วาคายามะ (Wakayama) | 27 พ.ย. | 13 ธ.ค. |
ฮิโรชิมา (Hiroshima) | 21 พ.ย. | 28 พ.ย. |
โคจิ (Kochi) | 17 พ.ย. | 10 ธ.ค. |
ฟุกุโอกะ (Fukuoka) | 28 พ.ย. | 9 ธ.ค. |
คาโกชิมะ (Kagoshima) | 28 พ.ย. | 12 ธ.ค. |
7 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำในญี่ปุ่น
1. ฮอกไกโด – อุทยานแห่งชาติไดเซสึซัง (Daisetsuzan)
หากพูดถึงจุดที่ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วที่สุดในญี่ปุ่น ชื่อของ อุทยานแห่งชาติไดเซสึซัง (Daisetsuzan National Park) ที่ฮอกไกโดต้องติดอันดับต้น ๆ แน่นอนครับ ที่นี่คืออุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ภูเขาไฟหลายลูกและหุบเขากว้างใหญ่ ช่วงปลายกันยายนจนถึงต้นตุลาคม ธรรมชาติทั้งผืนป่าจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีจากยอดเขาลงมาเป็นลำดับ ทำให้คุณสามารถเห็นการไล่เฉดสีตั้งแต่เหลืองสดของแปะก๊วย ไปจนถึงแดงเข้มของเมเปิ้ลได้ในทริปเดียว
สิ่งที่ทำให้ไดเซสึซังน่าหลงใหลไม่ใช่แค่ความกว้างใหญ่ แต่ยังมีเสน่ห์ของ เส้นทางเดินป่าและบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ (Onsen) ที่ซ่อนอยู่ตามหุบเขา นักท่องเที่ยวที่รักการเดินป่าจะได้สัมผัสบรรยากาศสุดพิเศษ ทั้งอากาศสดชื่น เสียงลมพัดผ่านใบไม้สีสวย และไอหมอกจากภูเขาไฟที่ยังมีพลัง
สรุปคือ หากคุณอยากสัมผัส “ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่แท้จริง” ก่อนใครในญี่ปุ่น การเริ่มต้นทริปที่ฮอกไกโดและแวะชมไดเซสึซัง ถือเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดเลยครับ 🍁

- จุดเด่น: เป็นที่แรกๆ ที่ใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น
- เหมาะกับ: คนชอบเดินป่า น้ำพุร้อน และการท่องเที่ยวธรรมชาติแบบลึกๆ
- เคล็ดลับ: เตรียมรองเท้าดีๆ เพราะบางเส้นทางเป็นภูเขาสูง
2. โทชิงิ – น้ำตกเคงอน (Kegon no Taki)
น้ำตกเคงอน (Kegon no Taki) เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น สูงราว 97 เมตร ตั้งอยู่ที่เมืองนิกโก้ จังหวัดโทชิงิ ความงดงามของที่นี่จะยิ่งทวีคูณในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เพราะหน้าผาสูงชันที่โอบล้อมน้ำตกเต็มไปด้วยต้นไม้ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นสีแดง เหลือง และส้ม ทำให้ภาพของสายน้ำขาวโพลนที่ตกกระทบหินด้านล่างตัดกับสีสันสดใสของใบไม้ได้อย่างงดงามราวภาพวาด
จุดชมวิวของน้ำตกมีทั้งแบบ หอชมวิวด้านบน ที่เห็นภาพรวมสุดอลังการ และ ลิฟต์ลงไปด้านล่าง ที่สามารถชมใกล้ ๆ ฟังเสียงน้ำกระทบอย่างดังกึกก้อง เพิ่มความตื่นตาตื่นใจ เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสธรรมชาติแบบเต็มอารมณ์
ถ้าอยากเห็น “พลังและความงาม” ของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในเวลาเดียวกัน น้ำตกเคงอนคือจุดหมายที่ไม่ควรพลาดเลยครับ 🍁💦

- จุดเด่น: น้ำตกสูงกว่า 97 เมตร โอบล้อมด้วยภูเขาและป่าไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง-เหลืองในฤดูใบไม้ร่วง ทิวทัศน์ตัดกับสายน้ำขาวโพลนสวยราวภาพวาด
- เหมาะกับ: นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติ ภูเขา และต้องการบรรยากาศโรแมนติกที่ผสมความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
3. ยามานาชิ – อุโมงค์ใบเมเปิ้ล (Momiji Kairo)
Momiji Kairo หรือ “อุโมงค์ใบเมเปิ้ล” คือจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ขึ้นชื่อที่สุดของจังหวัดยามานาชิ และเป็นแลนด์มาร์กที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนคาวากุจิโกะ ช่วงต้นถึงกลางพฤศจิกายน ต้นเมเปิ้ลที่เรียงรายสองข้างทางจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสดและเหลืองทอง สร้างเป็นอุโมงค์ธรรมชาติที่โรแมนติกและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
ที่นี่ไม่เพียงเป็นเส้นทางเดินเล่นที่อบอุ่นและโรแมนติก แต่ยังเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม เพราะสามารถเก็บภาพใบไม้สีสดตัดกับท้องฟ้าและบรรยากาศรอบ ๆ ได้ในทุกมุมมอง และในบางช่วงยังมีการประดับไฟ (Light-up) ยามค่ำคืน ทำให้สีสันของใบไม้ยิ่งโดดเด่นท่ามกลางความมืด เป็นประสบการณ์ที่ห้ามพลาดสำหรับคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วง

- จุดเด่น:ทางเดินโรแมนติกถ่ายรูปสวย
- เหมาะกับ:คู่รักหรือครอบครัวที่อยากเดินเล่นท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี
4. กิฟุ – หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
หมู่บ้านมรดกโลกที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขา โดดเด่นด้วยบ้านโบราณทรงกัสโซ (Gassho-zukuri) หลังคาทรงสูงมุงจาก ที่ยังคงวิถีดั้งเดิมไว้อย่างงดงาม เมื่อเข้าสู่ต้น–กลางพฤศจิกายน ต้นไม้รอบหมู่บ้านจะผลัดใบเป็นสีแดง ส้ม และทอง ตัดกับบ้านไม้เก่าแก่ราวกับฉากในเทพนิยาย บรรยากาศเงียบสงบและอบอุ่น เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักความคลาสสิกและอยากสัมผัสวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นแท้

- จุดเด่น: หมู่บ้านมรดกโลก บ้านทรงกัสโซโบราณ + ใบไม้รอบหมู่บ้าน
- เหมาะกับ: นักท่องเที่ยวที่ชอบบรรยากาศโบราณ อบอุ่น
5. ไอจิ – เมืองโอบาระ (Obara)
เมืองเล็กที่มีมนต์เสน่ห์ไม่ซ้ำใคร เพราะคุณสามารถชม “ใบไม้แดง” พร้อม “ซากุระฤดูใบไม้ร่วง” (Shikizakura) ได้ในที่เดียว! กลาง–ปลายพฤศจิกายน คือช่วงเวลาที่ต้นซากุระผลิบานสีชมพูอ่อน ขับกับใบเมเปิ้ลแดงสดรอบภูเขา เกิดเป็นภาพตัดกันที่หาดูได้ยากในญี่ปุ่น เหมาะกับนักเดินทางที่ต้องการประสบการณ์พิเศษและภาพถ่ายที่มีเอกลักษณ์

- จุดเด่น: ดูใบไม้แดงพร้อม “ซากุระฤดูใบไม้ร่วง” (Shikizakura)
- เหมาะกับ: คนที่อยากได้ประสบการณ์ไม่เหมือนใคร
6. เกียวโต – วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera)
วัดพุทธเก่าแก่สัญลักษณ์ของเกียวโต ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวเมืองได้กว้างไกล ไฮไลท์คือระเบียงไม้ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไปเหนือป่าใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงกลาง–ปลายพฤศจิกายนทั้งภูเขาจะกลายเป็นสีแดงสดและส้มทอง ยามค่ำคืนยังมีการประดับไฟ (Light-up) เพิ่มความโรแมนติก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรม ศิลปะญี่ปุ่น และต้องการสัมผัสกลิ่นอายเกียวโตแท้ๆ

- จุดเด่น: วิววัดบนเนินเขาที่โอบล้อมด้วยใบไม้แดง
- เหมาะกับ: คนชอบศิลปะ วัดวา และบรรยากาศญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
7. โอซาก้า – ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
แลนด์มาร์กประวัติศาสตร์กลางเมืองใหญ่ที่ผสมผสานอดีตกับปัจจุบันได้อย่างลงตัว ปราสาทโอซาก้าตั้งตระหง่านท่ามกลางสวนกว้างใหญ่และคูน้ำรอบปราสาท ช่วงปลายพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคม ใบไม้เมเปิ้ลและแปะก๊วยจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม และเหลืองสดใส ตัดกับตัวปราสาทสีขาว–เขียวอย่างโดดเด่น เดินทางง่าย เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมใบไม้เปลี่ยนสีโดยไม่ต้องออกนอกเมือง และอยากเก็บภาพความงามแบบญี่ปุ่นคลาสสิกในทริปสั้นๆ

- จุดเด่น: ปราสาทประวัติศาสตร์ใหญ่โต ตัดกับใบไม้สีสดรอบคูเมือง
- เหมาะกับ: นักท่องเที่ยวที่เน้นเดินทางง่าย อยู่ในเมืองใหญ่
ถ้าอยากสัมผัสญี่ปุ่นในมุมที่โรแมนติกที่สุด ไม่มีช่วงเวลาไหนจะเหมาะไปกว่าฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นความงดงามของเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยสีสันสะดวกสบาย หรือเสน่ห์ของหมู่บ้านโบราณที่เงียบสงบและอบอุ่น ทุกภาพที่คุณเก็บบันทึกไว้จะกลายเป็นความทรงจำที่สวยงามไม่ต่างจากโปสการ์ดใบหนึ่ง 🍂
และเพื่อให้การเดินทางของคุณราบรื่นยิ่งขึ้น อย่าลืมพก SAMURAI WiFi เพื่อนคู่ใจที่จะทำให้คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะอัปโหลดรูปใบไม้สีแดงสดไปยังโซเชียล แชร์โมเมนต์ให้เพื่อน ๆ แบบเรียลไทม์ หรือใช้ Google Maps หาร้านอาหารเด็ด ๆ ระหว่างทาง ก็มั่นใจได้ว่าทริปชมใบไม้เปลี่ยนสีของคุณจะสะดวกสบายและสนุกกว่าที่เคย