การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นความฝันของใครหลายคน ทั้งบรรยากาศที่สวยงาม วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และอาหารอร่อย แต่สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องระวังเป็นพิเศษคือ “ของต้องห้าม ญี่ปุ่น” ซึ่งมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก การเผลอพกของต้องห้ามติดไป อาจทำให้คุณเสียเวลาที่ สนามบิน ถูกยึดของ หรือแม้กระทั่งถูกปรับและดำเนินคดี บทความนี้จะสรุปให้ชัดเจนว่าอะไรห้ามนำเข้าญี่ปุ่นบ้าง เพื่อให้ทริปของคุณราบรื่นไร้กังวลครับ
🙋🏻♂️ บทความนี้เหมาะสำหรับ
- ・ผู้ที่กำลังวางแผนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก
- ・นักท่องเที่ยวที่ต้องการตรวจสอบความถูกต้องของสัมภาระ
- ・ผู้ที่เคยไปญี่ปุ่นมาแล้ว แต่อยากอัปเดตข้อมูล ของต้องห้าม ญี่ปุ่น ล่าสุด
- ・ผู้ที่สงสัยเกี่ยวกับกฎการนำ ยา อาหาร หรือ แบตเตอรี่สำรอง เข้าญี่ปุ่น
Table of Contents
🗒️ สรุปสั้นๆ: ญี่ปุ่นห้ามเอาอะไรเข้าประเทศบ้าง?
หากคุณไม่มีเวลาอ่านทั้งหมด นี่คือสรุปสิ่งที่ห้ามนำเข้าญี่ปุ่นโดยเด็ดขาด:
| ประเภท | รายละเอียด |
| อาหาร | เนื้อสัตว์ และ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ทุกชนิด (รวมถึงหมูหยอง, ไส้กรอก, หมูยอ), ผัก, ผลไม้สด |
| ยา | ยาที่มีซูโดอีเฟดรีน (เช่น ยาแก้หวัด บางยี่ห้อ), ยาที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท, สารเสพติด |
| อื่นๆ | อาวุธ, สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ (ของปลอม), สื่อลามก |
🚨 เช็กด่วน! ของต้องห้าม ญี่ปุ่น ที่คนไทยมักเผลอพกไป
นี่คือกลุ่มของต้องห้ามที่ด่าน ศุลกากร ญี่ปุ่นตรวจพบจากคนไทยบ่อยที่สุด และมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก
กลุ่มอาหาร (Food): เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ (ข้อควรระวังสูงสุด!)
นี่คือจุดที่นักท่องเที่ยวไทยมักทำผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจมากที่สุดครับ ญี่ปุ่นมีกฎหมายป้องกันโรคระบาดในพืชและสัตว์ที่เข้มงวดมาก
เนื้อสัตว์ (Meat) และ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์: ห้ามเด็ดขาด! ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใด
เนื้อสด, เนื้อแช่แข็ง, เนื้อปรุงสุก
ผลิตภัณฑ์แปรรูป: ไส้กรอก, กุนเชียง, หมูหยอง, หมูแผ่น, แหนม, หมูยอ, แคบหมู, ซาลาเปาไส้เนื้อสัตว์
อื่นๆ: ไข่ (รวมถึงไข่เค็ม), นมดิบ, ผลิตภัณฑ์จากนมบางชนิด
ข้อควรจำ: แม้จะมีฉลากว่า “สุญญากาศ” (Vacuum-packed) ก็ห้ามนำเข้าครับ หากตรวจพบมีโทษปรับหนักมาก
ผัก (Vegetables) และ ผลไม้ (Fruit) สด:
ห้ามนำเข้าผักและผลไม้สดเกือบทุกชนิด เพื่อป้องกันการนำศัตรูพืชเข้าประเทศ
แม้แต่ผลไม้ที่ซื้อจาก Duty-Free บางครั้งก็ไม่ได้รับอนุญาต หากไม่ผ่านการตรวจสอบและไม่มีใบรับรอง
กลุ่มยา (Medicine): ยาแก้หวัด และยาแก้ปวดบางชนิด
เรื่อง ยา เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องระวังอย่างยิ่ง เพราะยาบางชนิดที่ใช้ในไทย ถูกจัดเป็น สารเสพติด หรือสารควบคุมในญี่ปุ่น

ยาที่มีซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine):
นี่คือส่วนผสมที่มักพบใน ยาแก้หวัด (Cold medicine) หรือยาแก้ภูมิแพ้บางชนิด
ยาที่มีส่วนผสมนี้ เช่น Tiffy (ทิฟฟี่), Sudafed (ซูดาเฟด) ห้ามนำเข้าเด็ดขาด
ยาแก้ปวด (Painkiller) ที่มีฤทธิ์รุนแรง:
เช่น ยาที่มีส่วนผสมของ Codeine หรือ Tramadol อาจต้องขอใบอนุญาตพิเศษ
ยาที่เกี่ยวข้องกับจิตและประสาท:
เช่น ยานอนหลับ, ยาคลายเครียด ต้องมีใบรับรองแพทย์เป็นภาษาอังกฤษระบุชัดเจน และนำเข้าได้ในปริมาณจำกัด (ไม่เกิน 30 วัน)
ยาเสพติด (Narcotics):
เช่น กัญชา, กระท่อม, ยาบ้า, ไอซ์ ห้ามนำเข้าเด็ดขาด และมีโทษรุนแรงถึงจำคุก
ข้อแนะนำ: หากคุณมียาประจำตัวที่ต้องใช้ ให้ขอใบรับรองแพทย์ (Medical Certificate) เป็นภาษาอังกฤษ และเตรียมเอกสารอธิบายตัวยาไปด้วยเสมอ
ของต้องห้ามอื่นๆ ตามกฎหมาย
・สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์: ห้ามนำเข้าของปลอม ของก๊อปปี้แบรนด์เนม ไม่ว่าจะเพื่อใช้เองหรือเป็นของฝาก
・อาวุธและวัตถุอันตราย: ปืน, มีดพก (ที่มีใบมีดยาวเกินกำหนด), วัตถุระเบิด
・สื่อลามกอนาจาร: หนังสือ, DVD หรือสื่อใดๆ ที่ขัดต่อศีลธรรมอันดี
🤔 รู้ไว้ไม่สับสน: ของเหลว แบตเตอรี่สำรอง และการพกขึ้นเครื่อง
มีของอีกกลุ่มที่คนมักสับสนว่า “ห้ามนำเข้าญี่ปุ่น” หรือไม่ แต่จริงๆ แล้วเป็น “กฎสากลของสายการบิน” ในการนำของขึ้นเครื่อง (Carry-on) ซึ่งคุณต้องเจอที่ สนามบิน ตั้งแต่ที่ไทยครับ
กฎของเหลว เจล สเปรย์ (Liquids, Gel, Spray)
กฎนี้ใช้กับการถือ สัมภาระ ขึ้นเครื่อง ไม่ได้เกี่ยวกับ ศุลกากร ญี่ปุ่น
・ของเหลว (Liquids), เจล (Gel), และ สเปรย์ (Spray) แต่ละชิ้นต้องมีขนาด ไม่เกิน 100 ml
・ต้องใส่รวมกันในถุงพลาสติกใสแบบมีซิปล็อก
・รวมกันทั้งหมด ไม่เกิน 1,000 ml (1 ลิตร) ต่อผู้โดยสาร 1 คน
・หากมีขนาดเกิน 100 ml (เช่น ขวดน้ำ, ครีมกระปุกใหญ่) ต้องโหลดใต้ท้องเครื่องเท่านั้น
กฎของ แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank)
・ห้าม โหลด แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ไว้ใน กระเป๋าเดินทาง ที่จะโหลดใต้ท้องเครื่องเด็ดขาด ต้องพกใส่กระเป๋าถือขึ้นเครื่องเท่านั้น
・อนุญาตให้พกได้ไม่เกิน 2 ก้อน (ในความจุที่กำหนดโดยสายการบิน ส่วนใหญ่คือไม่เกิน 32,000 mAh)
・ต้องมีป้ายฉลากบอกความจุ (mAh) ชัดเจน ถ้าตัวเลขลบเลือนอาจถูกยึด
🛂 ขั้นตอนที่สนามบิน: ทำอย่างไรเมื่อไม่แน่ใจ?
หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้และพบว่ามีของที่ “อาจจะ” เข้าข่ายต้องห้าม หรือไม่แน่ใจว่านำเข้าได้หรือไม่ สิ่งที่ดีที่สุดคือการปฏิบัติตามนี้ครับ
การ Declare ที่ด่าน ศุลกากร (Customs)
“ไม่แน่ใจ = ต้อง Declare”
・เมื่อคุณเดินทางถึงญี่ปุ่น คุณต้องผ่านด่านศุลกากร (Customs) หากคุณมีของที่อาจมีปัญหา (เช่น ยาประจำตัว, อาหารแห้งที่ดูคลุมเครือ) ให้เดินไปที่ช่องสีแดง (Goods to Declare)
・แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าคุณมีอะไรมาบ้าง การ Declare อย่างตรงไปตรงมา จะช่วยให้เจ้าหน้าที่พิจารณาได้ง่ายขึ้น ดีกว่าการปกปิดแล้วถูกตรวจพบในภายหลัง
ลงทะเบียน Visit Japan Web ช่วยได้
ปัจจุบัน ญี่ปุ่น ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวลงทะเบียนผ่าน Visit Japan Web ล่วงหน้า ซึ่งในระบบนี้จะรวมการกรอกข้อมูล ตม. และ ศุลกากร ไว้ด้วย คุณสามารถกรอกรายการของที่คุณนำมาในส่วนของศุลกากรผ่านระบบนี้ได้เลย เมื่อถึงหน้าด่าน คุณเพียงแค่แสดง QR Code ให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและช่วยให้คุณตรวจสอบตัวเองล่วงหน้าได้ด้วย
วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นอย่างสบายใจ นอกจากเช็ก สัมภาระ ให้ดีแล้ว อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คืออินเทอร์เน็ต! เตรียม Pocket WiFi หรือ SIM/eSIM จาก BANGKOK SAMURAI ให้พร้อม เชื่อมต่อได้ทันทีตั้งแต่วินาทีแรกที่ถึง สนามบิน ญี่ปุ่น ไม่พลาดทุกการติดต่อและค้นหาข้อมูลสำคัญ
SAMURAI WiFi – Pocket WiFi เช่าได้กว่า 150 ประเทศทั่วโลก!
ดูรายละเอียดแพ็กเกจและโปรโมชั่นพิเศษได้ ที่นี่
SAMURAI SIM / eSIM
เพียง “ใส่ซิม” หรือ “สแกน QR Code” ก็ใช้งานได้ทันทีทั่วโลก
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
สิ่งของต้องห้ามนำเข้าญี่ปุ่นที่ควรระวังเป็นพิเศษคือ
• เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อ
• ยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดเอฟีดรีน
ขณะเตรียมกระเป๋าเดินทาง ควรตรวจสอบกฎเกี่ยวกับอาหาร ยา และแบตเตอรี่ให้ครบถ้วน และหากลงทะเบียนใน Visit Japan Web ล่วงหน้า ก็จะสามารถเริ่มต้นท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจครับ










